สาเหตุที่สหกรณ์ต้องปรับดอกเบี้ยเงินฝากลงเนื่องจาก ดอกเบี้ยธนาคารต่ำมาก และดอกเบี้ยสหกรณ์สูงกว่า เงินจึงไหลเข้าสหกรณ์มาก ทำให้สหกรณ์ต้องรับภาระดอกเบี้ยจ่ายเงินฝากจำนวนมาก เพื่อป้องกันการไหลเข้าของเงินฝาก และลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ไม่เช่นนั้นสหกรณ์ก็ต้องนำเงินส่วนเกินสภาพคล่องไปลงทุนด้านอื่นเช่น ซื้อตราสารหนี้ พันธบัตร และหุ้นกู้ เพื่อชดเชยและลดภาระรายจ่ายดอกเบี้ยลง
เนื่องจากในปัจจุบันสมาชิกไปกู้ออมสินจำนวนมาก ทำให้การปล่อยกู้สหกรณ์ลดลง และมีเงินส่วนเกินสภาพคล่องจำนวนมาก ที่จริงแล้วสหกรณ์อยากปล่อยกู้สมาชิกมากกว่าไปลงทุนอย่างอื่น เพราะถ้าสมาชิกกู้สหกรณ์กันมาก การบริหารงานสหกรณ์ง่ายกว่าการไปลงทุนด้านอื่น
ปัจจุบันอัตราส่วนระหว่างเงินกู้และเงินฝากของสหกรณ์อยู่ที่ 3:1 ซึ่งก็หมายถึงการลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.75 บาท มีผลเท่ากับลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25 บาท (คือไม่ทำให้รายได้สหกรณ์เพิ่มขึ้น) เพราะฉะนั้นการที่กำไรสหกรณ์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงให้ดูสัดส่วนว่าลดดอกเบี้ยตัวไหนมากกว่ากัน
กลางปี 2552 สหกรณ์ลดดอกเบี้ยเงินฝากไป 0.50 บาท และลดดอกเบี้ยเงินกู้ไป 0.25 บาท ซึ่งก็หมายถึงในช่วงเวลากลางปีถึงช่วงปลายปี รายได้ดอกเบี้ยของสหกรณ์ลดลง เพราะลดดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่าเงินฝาก ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ทีผ่านมามีการลดดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกครั้ง 0.25 บาท เพื่อรักษาสมดุลในช่วง 2 เดือนหลังของปี 2552 แต่โดยรวมก็คือสหกรณ์ไม่ได้รายรับจากดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นเลย และยังลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ