การที่สมาชิกเป็นหนี้ทั้ง 2 แห่งทั้งธนาคาร และสหกรณ์ ในการส่งหักรายเดือนกองคลังจะต้องหักส่งให้กับทางธนาคารก่อน แล้วถ้าสมาชิกมีเงินเหลือถึงจะหักส่งให้กับทางสหกรณ์ และสมาชิกบางท่านไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่เป็นหนี้ทั้ง 2 แห่งเพียวอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีกที่หักจาก Slip เงินเดือน ซึ่งถ้าสมาชิกเป็นหนี้ทั้ง 2 แห่ง สหกรณ์ก็จะมีความเสี่ยงที่จะหักเงินชำระหนี้ของสมาชิกไม่ได้ และถ้าถามเรื่องการค้ำประกัน การที่ท่านไปกู้เงินจากธนาคาร มาแล้ว และยังต้องมารับภาระค้ำประกันสมาชิกที่กู้เงินจากสหกรณ์อีก ท่านลองนึกดูซิว่าตัวท่านเองต้องรับภาระหนี้สินทั้งหมดเท่าไหร่ ถ้าผู้กู้หนี เสียชีวิต หรือต้องโทษทางอาญา  ท่านจะรับภาระทั้งหมดไหวไหม สหกรณ์ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของสมาชิกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจึงได้ออกเงื่อนไขการกู้เงินออกมาว่า ถ้าสมาชิกไปกู้ธนาคารแล้วไม่สามารถกู้เงินจากสหกรณ์ฯได้   แต่สหกรณ์ฯก็ยังได้ช่วยเหลือสมาชิกโดยให้สมาชิกกู้เงินหุ้นที่มีอยู่กับสหกรณ์  และให้สมาชิกกู้เงินฉุกเฉิน 

เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่มีอยู่ในสหกรณ์เป็นของสมาชิกทุกคน ในกรณีที่เก็บเงินชำระหนี้ไม่ได้เจ้าหน้าที่ก็พยายามตามหนี้ให้ถึงที่สุด เพราะตระหนักดีว่า เงินกู้ทุกบาทที่ปล่อยออกไปให้สมาชิกกู้ ก็เป็นเงินของสมาชิกทุกท่านที่นำมาฝากไว้กับสหกรณ์ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้มาก็นำมาเป็นเงินปันผลและเฉลี่ยคืนให้กับท่าน สหกรณ์ออมทรัพย์ รพช. ก่อตั้งมาก็หลายปีแล้วก็อยากจะเชิญชวนให้ท่านอยู่เป็นสมาชิกต่อไป ถึงสำนักงาน รพช. จะถูกยุบ แต่คำว่า รพช.ก็ยังคงอยู่ และจะอยู่ตลอดไปถ้าท่านสมาชิกทั้งหลายไม่ตัดสินใจลาออกจากสหกรณ์

ลาออกอย่างนี้ต้องลาออก ...ไม่ทันยุทธศาสตร์ของธนาคารแล้วสหกรณ์โดนดึงสมาชิกไปเกือบหมด ปันผลได้น้อยลงๆทุกปี อย่างนี้ไม่ปรับปรุงอนาคต ...สมาชิกคิดกันเอาเอง เด้อ...